2024.11.01 ENTEC สวทช. ร่วมกับสตาเลี่ยน สวอพแอนด์โก และสถาบันเอเชียศึกษา จัดพิธีฉลองวันขนส่งยั่งยืนโลก ผ่านโครงการรถจักรยานยนต์รับจ้างพลังงานไฟฟ้าสู่สังคมที่ยั่งยืน

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 กรุงเทพมหานคร

ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับ บริษัทจำกัด เดอะ สตาเลียน บริษัท สวอพ แอนด์ โก จำกัด และสถาบันเอเชียศึกษา จัดพิธีฉลองวันขนส่งยั่งยืนโลก ผ่านโครงการรถจักรยานยนต์รับจ้างพลังงานไฟฟ้าสู่สังคมที่ยั่งยืน

เพื่อเตรียมการสำหรับวันขนส่งยั่งยืนโลกในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 กรุงเทพมหานครได้เดินหน้าสู่เป้าหมายยานยนต์ไฟฟ้า ผ่านศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) และพันธมิตร UNEP เปิดตัวโครงการนำร่องรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเฟสต่อเนื่อง นับเป็นก้าวสำคัญในการเส้นทางสู่การขนส่งยั่งยืนของประเทศไทย

ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการ ENTEC สวทช. กล่าวว่า โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) รวมทั้งโครงการ SOLUTIONSplus ที่ได้รับทุนจากสหภาพยุโรป เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการสำคัญได้แก่ บริษัท The Stallions จำกัด บริษัท Swap & Go จำกัด และสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างจำนวน 30 ท่าน ได้อาสาเป็นผู้บุกเบิกการวิวัฒน์เมืองกรุงเทพฯ สู่เมืองแห่งยานยนต์ไฟฟ้า

ซึ่งในช่วงเวลานี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ภาคการขนส่งของไทยมีส่วนปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์คิดเป็นหนึ่งในสามของการปล่อยก๊าซทั้งหมดด้วยจำนวนรถยนต์กว่า 44 ล้านคัน การบุกเบิกสู่เมืองแห่งยานยนต์ไฟฟ้าเป็นกลยุทธ์ขั้นก้าวหน้าของประเทศในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการขยายตัวในวิกฤตสาธารณสุข ปัญหามลพิษทางอากาศสามารถคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 25,000 รายต่อปีภายในปี 2030 หากไม่มีมาตรการรองรับที่ทันท่วงที

โครงการปัจจุบันต่อยอดความสำเร็จจากโครงการระยะแรกซึ่งมีผลตัวชี้วัดสำคัญที่น่าประทับใจ ได้แก่ การเปลี่ยนการเดินทางมาใช้รถจักรยานยนต์แท็กซี่ไฟฟ้ามากกว่า 759,000 กิโลเมตร การใช้พลังงานลดลง 20% เมื่อเทียบกับรถจักรยานยนต์เครื่องยนต์ และสามารถหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้เกือบ 39 ตัน

ดร.สุมิตรา กล่าวต่อว่า การผลักดันการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในกรุงเทพฯ ก้าวสู่เป้าหมายที่ท้าทายระดับชาติที่ต้องการสัดส่วนรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนร้อยละ 40 ภายในปี พ.ศ. 2570 (ค.ศ. 2030) และเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 100 ภายในปี 2575 การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับกรุงเทพฯ ที่มีจำนวนผู้เดินทางมากกว่าร้อยละ 60 เป็นกลุ่มวัยกลางคนและครัวเรือนจำนวนมากต้องพึ่งพารถจักรยานยนต์ในการเดินทางประจำวัน ซึ่งโครงการนำร่องนี้จะติดตามการใช้ยานยนต์ไฟฟ้ารวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาระบบนิเวศของยานยนต์ไฟฟ้า นำพาไปสู่เป้าหมายระบบขนส่งที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ นับเป็นก้าวสำคัญในการรักษาระดับอุณหภูมิโลกให้ต่ำกว่าเป้าหมายการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิ 1.5 องศาเซลเซียส พร้อมทั้งส่งเสริมคุณภาพอากาศสะอาดและยั่งยืนสำหรับประชาชน