ENTEC https://www.entec.or.th/th Fri, 24 Oct 2025 09:23:20 +0000 ณ ห้องประชุมชั้น 10, อาคาร Techosen, กระทรวงอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (MISTI) กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.8.3 https://www.entec.or.th/wp-content/uploads/2021/01/cropped-forward-logo-1-32x32.png ENTEC https://www.entec.or.th/th 32 32 2025.10.22 ENTEC, NSTDA Donates 2,000 Liters of Biodiesel to Support Flood Relief Operations in Sing Buri Province https://www.entec.or.th/th/2025-10-22-entec-nstda-donates-2000-liters-of-biodiesel-to-support-flood-relief-operations-in-sing-buri-province/ Fri, 24 Oct 2025 09:22:35 +0000 https://www.entec.or.th/?p=17116

วันที่ 22 ตุลาคม 2568 ณ อาคาร MTEC Pilot Plant อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี

ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ให้การสนับสนุนภารกิจช่วยเหลือชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดสิงห์บุรี ด้วยการมอบน้ำมันไบโอดีเซล จำนวน 2,000 ลิตร เพื่อใช้ในเครื่องยนต์สูบน้ำช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่

การส่งมอบน้ำมันในครั้งนี้นำโดย ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ พร้อมด้วย ดร.พีรวัฒน์ สายสิริรัตน์ หัวหน้าทีมวิจัยพลังงานทดแทนและประสิทธิภาพพลังงาน กลุ่มวิจัยพลังงานคาร์บอนต่ำ ดร.วิศาล ลีลาวิวัฒน์ นักวิจัย และทีมวิจัยร่วมส่งมอบ โดยมี นายชัยวัฒน์ คำมั่น รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลชีน้ำร้าย อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี เป็นผู้แทนรับมอบ

การสนับสนุนดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้น้ำมันไบโอดีเซลเป็นเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์สูบน้ำดีเซลในการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ โดยเป็นส่วนหนึ่งของการนำองค์ความรู้ทางเทคโนโลยีพลังงานสะอาดมาประยุกต์ใช้เพื่อสังคม

ทั้งนี้ ความร่วมมือระหว่าง ENTEC และองค์การบริหารส่วนตำบลชีน้ำร้าย ไม่เพียงช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่เท่านั้น แต่ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงของหน่วยงานท้องถิ่น ทำให้สามารถจัดสรรงบประมาณไปสนับสนุนการฟื้นฟูและช่วยเหลือประชาชนในด้านอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

]]>
2025.10.20 ENTEC, NSTDA Represents Thailand at the 53rd Sub-Committee Meeting on Sustainable Energy Research (SCSER-53) during the COSTI-88. https://www.entec.or.th/th/2025-10-20-entec-nstda-represents-thailand-at-the-53rd-sub-committee-meeting-on-sustainable-energy-research-scser-53-during-the-costi-88/ Fri, 24 Oct 2025 05:56:52 +0000 https://www.entec.or.th/?p=17094

วันที่ 20 ตุลาคม 2568 ณ โรงแรม จุบีลี เพรสทีจน์ รัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร

ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการประชุมคณะอนุกรรมการวิจัยด้านพลังงานที่ยั่งยืน ครั้งที่ 53 (SCSER-53) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 ภายใต้การประชุมคณะกรรมการอาเซียนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ครั้งที่ 88 (COSTI-88) โดยคณะผู้แทนไทยนำโดย ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการ พร้อมด้วย ดร.ลิลี่ เอื้อวิไลจิตร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ดร.นุวงศ์ ชลคุป ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยพลังงานคาร์บอนต่ำ ดร.กัมปนาท ซิลวา นักวิจัย และนายพิชญ์พงษ์ จันทา จากทีมวิจัยพลังงานทดแทนและประสิทธิภาพลังงาน

ในการประชุมครั้งนี้ ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ได้รับเลือกจากที่ประชุมให้ดำรงตำแหน่งรองประธานคณะอนุกรรมการของการประชุม SCSER-53 สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทอันแข็งขันของประเทศไทยในคณะอนุกรรมการดังกล่าว ในวาระข้อเสนอโครงการใหม่ ดร.ลิลี่ ได้นำเสนอโครงการ “Green H2 ASEAN: Japan-ASEAN Hydrogen Future” ซึ่งได้รับการสนับสนุนและการรับรองจากสมาชิก SCSER นอกจากนี้ ดร.กัมปนาท ได้นำเสนอรายงานปิดโครงการ “การนำแนวทางการประเมินความยืดหยุ่นด้านพลังงานของอาเซียนสู่ภาคปฏิบัติ: การพัฒนาศักยภาพด้านการประเมินความยืดหยุ่นทางพลังงาน” ซึ่งเป็นโครงการที่สนับสนุนวาระสำคัญของคณะกรรมการอาเซียนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (COSTI Priority) ประจำปี ค.ศ. 2024 และในโอกาสเดียวกันนี้ ดร.นุวงศ์ ในฐานะตัวแทน SCSER ประเทศไทย ได้ให้ข้อมูลอัพเดตเกี่ยวกับข้อเสนอร่วมในหัวข้อ “การส่งเสริมการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม (STI) สู่ภาคปฏิบัติเพื่อสนับสนุนกลยุทธ์ความเป็นกลางทางคาร์บอนของอาเซียน” ซึ่งข้อเสนอนี้เป็นการพัฒนาขึ้นร่วมกันโดยคณะอนุกรรมการ SCSER และคณะอนุกรรมการโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาทรัพยากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (SCIRD) ที่ผ่านการรับรองจากทั้งสองคณะอนุกรรมการในการประชุมที่ผ่านมาแล้ว คาดว่าการดำเนินโครงการร่วมนี้จะเริ่มต้นภายหลังจากการปรับโครงสร้างคณะอนุกรรมการของ COSTI แล้วเสร็จ หลังการประชุม COSTI-88 นี้

]]>
2025.10.14 ENTEC co-hosted in High-Level Capacity-Building Meeting on Sustainable Transport Policy for Bhutan https://www.entec.or.th/th/2025-10-14-entec-co-hosted-in-high-level-capacity-building-meeting-on-sustainable-transport-policy-for-bhutan/ Mon, 20 Oct 2025 09:30:52 +0000 https://www.entec.or.th/?p=17052

เมื่อวันที่ 14-17 ตุลาคม 2568 ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ นำโดย ดร. สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) ดร.นุวงศ์ ชลคุป ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยพลังงานคาร์บอนต่ำ ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) พร้อมด้วยคณะทำงาน ดร.กัมปนาท ซิลวา ดร.ตะวัน จำปีเจริญสุข ดร.อาทิตย์ จำปีเจริญสุข และคุณณยศ ศิริสูตร ได้ร่วมจัดการประชุมการเสริมสร้างศักยภาพระดับสูงด้านนโยบายด้านคมนาคมขนส่งที่ยั่งยืนสำหรับภูฏาน กับคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (UNESCAP) นำโดย ดร. เคทลิน รูเกอร์ ณ ห้องประชุม YT513 สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

การจัดประชุมครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของกองนโยบายและการวางแผนในการพัฒนานโยบายการขนส่งแห่งชาติ (NTP) กระทรวงโครงสร้างพื้นฐานและการขนส่ง (MoIT) ของประเทศภูฏาน เพื่อชี้นำกรอบการดำเนินงานการใช้กลยุทธ์ด้านการขนส่งของประเทศภูฏานในปีต่อ ๆ ไป โดยครอบคลุมด้านต่าง ๆ เช่น นโยบายการขนส่ง ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ระบบขนส่งอัจฉริยะ (ITS) และเทคโนโลยีพลังงานไฮโดรเจน

โดยในงานประชุมครั้งนี้ ดร. สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) ได้บรรยายเรื่องพลังงานไฮโดรเจน โดยเน้นที่หัวข้อ “งานวิจัยด้านพลังงานไฮโดรเจน”

]]>
2025.10.15 ENTEC participated in “The Fourth NEA Stakeholder Involvement Workshops (SIWS) on Optimisation in Decision Making: From Insight to Action” during 15-17 October 2025 https://www.entec.or.th/th/2025-10-15-entec-participated-in-the-fourth-nea-stakeholder-involvement-workshops-siws/ Mon, 20 Oct 2025 08:12:36 +0000 https://www.entec.or.th/?p=17036

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2568 ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ โดย ดร.กัมปนาท ซิลวา นักวิจัย ทีมวิจัยพลังงานทดแทนและประสิทธิภาพพลังงาน และนายพิชญ์พงษ์ จันทา ผู้ช่วยวิจัยภายในทีมฯ ได้เข้าร่วมการประชุมเชิงวิชาการ The Fourth NEA Stakeholder Involvement Workshops (SIWS) on Optimisation in Decision Making: From Insight to Action ผ่านระบบออนไลน์ โดยผลงานวิชาการเรื่อง Investigating perception of instructors in Thailand towards development of small modular reactor using structural equation modeling ที่ร่วมกับอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้รับคัดเลือกให้เป็นกรณีศึกษา สำหรับการประชุมเชิงวิชาการในห้อง Session 3: Reflections on the framework ระหว่างการประชุม นายพิชญ์พงษ์ จันทา พร้อมกับดร.กัมปนาท ซิลวา ได้นำเสนอกรณีศึกษาดังกล่าว ซึ่งมีผู้ที่สนใจเข้าร่วมการหารือเชิงเนื้อหาและโครงการ พร้อมทั้งแนวทางการดำเนินการในอนาคตสำหรับประเทศไทยในด้านการศึกษาความเห็นของประชาชนด้านการพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องปฏิกรณ์ขนาดเล็กแบบโมดูลาร์ในประเทศไทย

]]>
2025.10.16-15 ENTEC, NSTDA at APEC and ASEAN Platforms: Driving Hydrogen and Sustainable Aviation Fuel (SAF) Innovation https://www.entec.or.th/th/2025-10-16-15-entec-nstda-at-apec-and-asean-platforms/ Fri, 17 Oct 2025 04:52:40 +0000 https://www.entec.or.th/?p=17014

ระหว่างวันที่ 15–16 ตุลาคม 2568 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย: คณะผู้แทนจากศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สวทช. นำโดย ดร.ลิลี่ เอื้อวิไลจิตร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ENTEC
ดร.วิศาล ลีลาวิวัฒน์ นักวิจัยอาวุโส ทีมวิจัยพลังงานทดแทนและประสิทธิภาพพลังงาน และ ดร.กรกช สมบัติมั่นคง นักวิจัยทีมวิจัยเทคโนโลยีเชื้อเพลิงสะอาดและเคมีขั้นสูง ได้เข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการ APEC PPSTI Workshop: “Accelerating Low-Carbon Transition through Energy Transition and Circular Economy of Green Hydrogen” ซึ่งจัดโดย Universiti Teknologi PETRONAS (UTP) ภายใต้ความร่วมมือของ APEC Policy Partnership on Science, Technology and Innovation (PPSTI)

การประชุมดังกล่าวเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านพลังงานไฮโดรเจนสีเขียว (Green Hydrogen) และแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อสนับสนุนเป้าหมายคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยผู้แทน ENTEC ได้หารือแนวทางความร่วมมือด้านการวิจัย การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการพัฒนาเครือข่าย “Hydrogen ASEAN” ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรในภูมิภาค

นอกจากนี้ ในช่วงบ่ายของวันที่ 16 ตุลาคม ดร.ลิลี่ และคณะยังได้เข้าร่วมการประชุม ASEAN Energy Business Forum 2025 (AEBF-25) ณ Kuala Lumpur Convention Centre
โดย ดร.วิศาล ลิลาวิวัฒน์ ได้รับเชิญเป็น วิทยากร (Speaker) ใน Parallel Session: “Pave the Way for ASEAN to Become a Sustainable Aviation Fuel (SAF) Global Hub” ร่วมกับผู้แทนจาก Airbus, Argus Media, ASAFA และ Pertamina
เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีการผลิตเชื้อเพลิงการบินยั่งยืน (SAF) และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสะอาดของภูมิภาค ASEAN

การเข้าร่วมทั้งสองเวทีสะท้อนบทบาทของ ENTEC ในการขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมด้านพลังงานสะอาดของประเทศไทย สู่ความร่วมมือระดับภูมิภาคและนานาชาติ เพื่อบรรลุเป้าหมาย “Low Carbon ASEAN” อย่างยั่งยืน

 

]]>
2025.10.07 ENTEC Partners with PEA Chumphon Branch to Deploy “EnPAT,” a Safe Transformer Oil Derived from Thai Palm Oil, in Chumphon Province https://www.entec.or.th/th/2025-10-07-entec-partners-with-pea-chumphon-branch-to-deploy-enpat/ Fri, 17 Oct 2025 04:32:42 +0000 https://www.entec.or.th/?p=16985

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2568

ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เดินหน้าโครงการขยายการใช้งานน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าปลอดภัยจากปาล์มน้ำมันไทย “EnPAT” โดยติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้าบรรจุ EnPAT ในพื้นที่ ต.นาทุ่ง อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร ภายใต้การดูแลของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดชุมพร และได้รับเกียรติจาก คุณพัชรัชฎ์ พัชรวีระรัชต์ รองผู้จัดการ (เทคนิค) รักษาการแทน ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาเมืองชุมพร เป็นผู้ควบคุมการดำเนินงานติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้าบรรจุ EnPAT ในครั้งนี้

การติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้าที่บรรจุน้ำมัน EnPAT ในจังหวัดชุมพร ถือเป็นก้าวสำคัญของการนำเทคโนโลยีชีวภาพจากปาล์มน้ำมันมาใช้งานในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย โดยเฉพาะในจังหวัดชุมพร ซึ่งมีสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย ทั้งฝนตกชุกตลอดปี และได้รับอิทธิพลจากไอทะเลที่ส่งผลต่อการกัดกร่อนของอุปกรณ์ไฟฟ้า

EnPAT เป็นนวัตกรรมน้ำมันหม้อแปลงชีวภาพจากปาล์มน้ำมันของไทย ได้รับการพัฒนาเพื่อรองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย โดยการนำมาใช้ในจังหวัดชุมพร ไม่เพียงแต่เป็นการทดสอบความทนทานของผลิตภัณฑ์ในพื้นที่ที่มีความชื้นสูงและไอทะเลเท่านั้น แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงโดยตรงกับเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันในพื้นที่ ซึ่งจังหวัดชุมพรถือเป็นหนึ่งในแหล่งปลูกปาล์มน้ำมันที่สำคัญของประเทศ

การใช้งาน EnPAT จึงมีบทบาทสำคัญในการยกระดับผลผลิตปาล์มน้ำมันของไทยไปสู่อุตสาหกรรมชีวภาพที่มีมูลค่าสูง ลดการพึ่งพาน้ำมันปิโตรเลียมจากต่างประเทศ เสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในระยะยาว และกระจายรายได้กลับสู่ชุมชนเกษตรกรรม ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนของประเทศไทย

คุณพัชรัชฎ์ พัชรวีระรัชต์ รองผู้จัดการ(เทคนิค) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดชุมพร ให้สัมภาษณ์ระหว่างกิจกรรมการติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้าบรรจุ EnPAT ณ. จังหวัดชุมพร เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2568

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดชุมพร มีความยินดีที่ได้มีส่วนร่วมในการนำหม้อแปลง EnPAT ไปใช้ในพื้นที่ของจังหวัดชุมพร ซึ่งมีความโดดเด่นในเรื่องของเกษตรกรรม มีพืชเศรษฐกิจ อย่างเช่นปาล์มน้ำมัน และการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ซึ่งล้วนแต่ต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานทางด้านพลังงานที่มั่นคงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การนำ EnPAT มาใช้ในระบบจำหน่ายไฟฟ้าของจังหวัดชุมพรนั้น นอกจากจะเป็นตัวแทนการใช้งานในภาคใต้แล้ว ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าที่สนับสนุนวิธีชีวิตของคนในจังหวัดชุมพร ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ ความปลอดภัย และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของจังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นเมืองที่ติดชายทะเลด้านอ่าวไทยอีกด้วย

EnPAT มีคุณสมบัติที่ติดไฟได้ยาก ย่อยสลายได้เองทางชีวภาพ จึงช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวจังหวัดชุมพร และช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างมาก หากเกิดการรั่วไหลจากเหตุสุดวิสัย น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพ EnPAT จะไม่ทำลายระบบนิเวศเหมือนน้ำมันปิโตรเลียม การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดชุมพร พร้อมสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพที่ผลิตจากน้ำมันของปาล์มไทย เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้คนรุ่นหลังต่อไป

]]>
2025.10.10-09 ENTEC Organizes CAS–ANSO International Conference on Microbial Power and ANRRC 2025 Annual Meeting to Strengthen Collaboration in Microbiology, Bioresources, and Bioenergy https://www.entec.or.th/th/2025-10-10-09-entec-organizes-cas-anso-international-conference/ Wed, 15 Oct 2025 07:06:09 +0000 https://www.entec.or.th/?p=16951

วันที่ 9–10 ตุลาคม 2568 ณ โรงแรมเมอร์เคียว สุขุมวิท 24 กรุงเทพมหานคร

ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)ร่วมกับ สถาบันจุลชีววิทยา สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (Institute of Microbiology, Chinese Academy of Sciences: IMCAS) โดยได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายองค์กรวิทยาศาสตร์นานาชาติ (Alliance of International Science Organizations: ANSO) จัดการประชุมนานาชาติ “CAS–ANSO International Conference on Microbial Power” ภายใต้แนวคิด Advancing Bioenergy and Biomanufacturing in the Belt and Road Initiative พร้อมการประชุมประจำปี ANRRC 2025 Annual Meeting เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ด้านจุลชีพ พลังงานชีวภาพ และการผลิตชีวภาพในภูมิภาคเอเชีย

โดยได้รับเกียรติจาก ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการ ENTEC, Prof. Je Kyung Seong ประธานเครือข่ายศูนย์ทรัพยากรเพื่อการวิจัยแห่งเอเชีย (Asian Network of Research Resource Centers: ANRRC) และ Prof. Qian Wei ผู้อำนวยการ IMCAS กล่าวเปิดการประชุม

ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการ ENTEC กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของความร่วมมือด้านจุลชีพและทรัพยากรชีวภาพ ผ่านเครือข่าย ANRRC มีบทบาทโดดเด่นตลอดทศวรรษที่ผ่านมาในการเชื่อมโยงสถาบันวิจัยด้านทรัพยากรชีวภาพทั่วเอเชีย พร้อมขอบคุณองค์กร ANSO ที่ให้การสนับสนุนเสริมสร้างความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์

โดยมี ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ประธาน สวทช. และประธาน ANSO เป็นผู้นำในการผลักดันให้ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในเวทีความร่วมมือระดับภูมิภาค การประชุมในปีนี้ยังเป็นอีกก้าวสำคัญที่ขยายวงความร่วมมือไปยังประเทศในอาเซียน จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งนอกจากจะเป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้แล้ว ยังเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือใหม่ ๆ ที่คาดว่าจะสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมต่อการพัฒนาพลังงานสะอาดและเศรษฐกิจชีวภาพของภูมิภาค

บรรยากาศของการประชุมมีการนำเสนอผลงานและเสวนาจากนักวิจัยชั้นนำกว่า 10 ประเทศ โดยมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 80 คน จากประเทศในอาเซียน และพันธมิตรนานาชาติ อาทิ หัวการบรรยายสำคัญได้แก่ เทคโนโลยีทรัพยากรชีวภาพเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายระดับโลก นวัตกรรมเทคโนโลยีทรัพยากรชีวภาพเพื่อพลังงานชีวภาพและการดักจับเก็บกักคาร์บอน (CCUS) การอภิปรายด้านกฎหมายและจริยธรรมของการใช้ทรัพยากรชีวภาพ (ABS Governance) การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Bioinformatics และ AI เพื่อการบริหารจัดการฐานข้อมูลชีวภาพตามมาตรฐานสากล โดยมีนักวิจัยไทยผู้ทรงคุณวุฒิจาก BIOTEC สวทช. ร่วมเป็นวิทยากร และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความร่วมมือระดับภูมิภาคด้านการผลิตชีวภาพ โดยมี ดร.ลิลี่ เอื้อวิไลจิตร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ENTEC เป็นผู้ดำเนินการประชุม

]]>
2025.10.08 ENTEC Launches Hydrogen ASEAN Workshop to Forge Regional Collaboration on Clean Energy Technology https://www.entec.or.th/th/2025-10-08-entec-launches-hydrogen-asean-workshop/ Wed, 15 Oct 2025 02:50:46 +0000 https://www.entec.or.th/?p=16877

วันที่ 8 ตุลาคม 2568 ณ โรงแรมเมอร์เคียว สุขุมวิท กรุงเทพมหานคร

ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับคณะอนุกรรมการวิจัยพลังงานอย่างยั่งยืน (SCSER) ภายใต้คณะกรรมการอาเซียนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (COSTI) จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ Hydrogen ASEAN Workshop ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ภายใต้การประชุม CAS-ANSO International Conference on Microbial Power ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจาก Alliance of International Science Organizations (ANSO) โดยได้รับเกียรติจาก ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการ ENTEC สวทช. กล่าวเปิดงาน

การประชุมมุ่งเน้นส่งเสริมความร่วมมือด้านเทคนิค การวิจัย และการพัฒนาเทคโนโลยีไฮโดรเจนในภูมิภาคอาเซียนและประเทศคู่เจรจา 3 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ ซึ่งล้วนมีบทบาทสำคัญในฐานะผู้นำด้านพลังงานสะอาดของเอเชีย โดยการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างประเทศสมาชิกจะช่วยสร้างระบบนิเวศไฮโดรเจนที่เชื่อมโยงตั้งแต่ระดับนโยบาย การวิจัย ไปจนถึงการประยุกต์ใช้เชิงอุตสาหกรรม

เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล และเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดในภูมิภาค พร้อมทั้งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ผ่านการลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูง การสร้างงานใหม่ และการถ่ายทอดองค์ความรู้ระหว่างประเทศ สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN SDGs)

ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการ ENTEC กล่าวว่า

ไฮโดรเจนไม่ใช่พลังงานแห่งอนาคตที่อยู่ไกลตัวอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดในระดับโลก สำหรับภูมิภาคอาเซียน ไฮโดรเจนคือโอกาสในการสร้างระบบพลังงานที่หลากหลาย ลดการปล่อยคาร์บอน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีไฮโดรเจนไม่อาจเกิดขึ้นได้โดยลำพัง ประเทศต่าง ๆ จำเป็นต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกับประเทศคู่เจรจาอย่างญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูงในด้านนี้ การจัดเวิร์กชอปในครั้งนี้จึงมิได้เป็นเพียงเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางวิชาการ แต่ยังเป็นก้าวสำคัญสู่การวางรากฐาน Hydrogen ASEAN Framework เพื่อร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน เสริมสร้างศักยภาพบุคลากร และกำหนดทิศทางนโยบายร่วมระหว่างประเทศสมาชิกและพันธมิตร โดยมี ENTEC สวทช. ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงการวิจัยด้านพลังงานสะอาดในระดับภูมิภาค มุ่งผลักดันให้ไฮโดรเจนมีบทบาทอย่างเป็นรูปธรรมในระบบพลังงานของอาเซียน

“เราทุกคนสามารถร่วมกันเปลี่ยนวิสัยทัศน์ให้เป็นการปฏิบัติจริง เพื่อให้ไฮโดรเจนกลายเป็นพลังงานหลักที่ขับเคลื่อนอนาคตที่สะอาด มั่นคง และยั่งยืนของอาเซียนได้อย่างแท้จริง” ดร.สุมิตรา กล่าวทิ้งท้าย

การประชุมมีบรรยายพิเศษในหัวข้อสำคัญ

จากผู้เชี่ยวชาญชั้นนำจากหลายประเทศ ประกอบด้วย

  • ศักยภาพอุปสงค์และอุปทานของพลังงานไฮโดรเจนในอาเซียนและเอเชียตะวันออก
    โดย Mr. Ryan Wiratama Bhaskara สถาบันวิจัยเศรษฐกิจแห่งอาเซียนและเอเชียตะวันออก (ERIA)
  • ประสบการณ์ของประเทศไทยและการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีไฮโดรเจน
    โดย ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการ ENTEC สวทช.
  • บทบาทของไฮโดรเจนในการลดการปล่อยคาร์บอนและโครงการไฮโดรเจนในประเทศไทย
    โดย ดร.เนรัญ สุวรรณโชติช่วง สมาคมไฮโดรเจนประเทศไทย (H2TH)
  • พัฒนาการและแนวโน้มอนาคตของพลังงานไฮโดรเจนในจีน
    โดย Mr. Rao Zhi (EDRI, China)
  • ถ่ายทอดนโยบายด้านไฮโดรเจนและโครงการ JST-NEXUS ของญี่ปุ่น
    โดย Assoc. Prof. Miki Inada (Kyushu University, Japan)
  • การขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจไฮโดรเจนและการลดคาร์บอนในภาคการขนส่ง: ประสบการณ์ของเกาหลีใต้
    โดย Prof. OckTaeck Lim (University of ULSAN, South Korea)

นอกจากนี้ยังมีการแลกเปลี่ยนมุมมอง สร้างข้อเสนอร่วม ASEAN+3 ในหัวข้อ “ความร่วมมือระดับภูมิภาคสู่ไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำ” ดำเนินรายการโดย ดร.กัมปนาท ซิลวา นักวิจัย ENTEC สวทช. เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แทนจากอาเซียน ญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ ร่วมกันแลกเปลี่ยนแนวทางวิจัย พัฒนาเทคโนโลยี และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระยะยาว รวมถึงการสรุปข้อเสนอแนะสำคัญโดย ดร.วิศาล ลีลาวิวัฒน์ นักวิจัย ENTEC สวทช. ซึ่งจะนำไปจัดทำ “ข้อเสนอร่วม (Joint Proposal)” เพื่อเสนอให้กับ SCSER และ COSTI ในการขยายความร่วมมือ ASEAN+3 ด้านไฮโดรเจนในระยะต่อไป พร้อมปิดการประชุมโดย ดร.ลิลี่ เอื้อวิไลจิตร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ENTEC สวทช.

การประชุม Hydrogen ASEAN Workshop 2025 เป็นก้าวสำคัญของอาเซียนในการรวมพลังประเทศสมาชิกและพันธมิตรเอเชียตะวันออก เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงานไฮโดรเจน อันเป็นรากฐานสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบพลังงานสะอาดและยั่งยืนในอนาคต

]]>
2025.09.25 ENTEC Partners with PEA Mueang Nakhon Ratchasima Branch to Deploy “EnPAT,” a Safe Transformer Oil Derived from Thai Palm Oil, in Korat. https://www.entec.or.th/th/2025-09-25-entec-partners-with-pea-mueang-nakhon-ratchasima-branch-to-deploy-enpat/ Fri, 10 Oct 2025 03:46:28 +0000 https://www.entec.or.th/?p=16819

เมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2568 จังหวัดนครราชสีมา

ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เดินหน้าโครงการขยายการใช้งานน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าปลอดภัยจากปาล์มน้ำมันไทย “EnPAT” โดยติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้าบรรจุ EnPAT ในพื้นที่ ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา ภายใต้การดูแลของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาเมืองนครราชสีมา และได้รับเกียรติจาก คุณสุพจ บุบผาพรมราช ผู้จัดการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาเมืองนครราชสีมา เป็นผู้ควบคุมการดำเนินงานติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้าบรรจุ EnPAT ในครั้งนี้

EnPAT มีคุณสมบัติเด่นที่จุดติดไฟสูงกว่า 300 องศาเซลเซียส ซึ่งช่วยป้องกันการเกิดอัคคีภัยจากเหตุการณ์หม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด สามารถสร้างความปลอดภัยสูงสุดให้กับประชาชนต่อการเกิดไฟไหม้ และยังมีความโดดเด่นที่สามารถย่อยสลายได้โดยธรรมชาติ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ทำให้เมื่อมีการรั่วไหลจะสามารถจัดการได้ง่ายกว่า ปลอดสารพิษ และไม่เป็นอันตรายทั้งในดินและในน้ำ เรียกได้ว่าเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของประชาชนด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

อีกทั้งเมื่อหมดอายุการใช้ในงานในหม้อแปลงไฟฟ้า ไม่ต้องกำจัดในสภาพของเสียอันตราย เนื่องจากสามารถนำเอามาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตไบโอดีเซลได้โดยไม่ต้องเสียค่ากำจัด และเนื่องจาก EnPAT ผลิตมาจากน้ำมันปาล์ม สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเป้าหมาย ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065

คุณสุพจ บุบผาพรมราช ผู้จัดการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาเมืองนครราชสีมา ให้สัมภาษณ์ระหว่างกิจกรรมการติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้าบรรจุ EnPAT ณ จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2568

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาเมืองนครราชสีมามีความยินดีอย่างยิ่งที่ สวทช. ได้นำนวัตกรรม EnPAT มาใช้งานขยายผลในพื้นที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาเมืองนครราชสีมาของเราในวันนี้ EnPAT เป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างพลังงาน เทคโนโลยี และชุมชน การนำนวัตกรรม EnPAT ที่ทำจากน้ำมันปาล์มไทยมาใช้งานในระบบจำหน่ายกับหม้อแปลงของการไฟฟ้าในพื้นที่นครราชสีมา ถือว่าเป็นการตอบโจทย์ในเรื่องของพลังงานทดแทน จะเกิดความมั่นคง ความปลอดภัย และลดอุบัติเหตุจากการเกิดอัคคีภัย ซึ่งทำให้ประชาชนที่ใช้งานในเขตชุมชนเมืองของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาเมืองนครราชสีมา เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

PEA มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบไฟฟ้าสู่เมืองอัจฉริยะหรือ Smart City ตอบรับกับจังหวัดนครราชสีมาของเรา ผู้ว่าราชการจังหวัดมีนโยบายในการสร้างเมืองอัจฉริยะหรือ Smart City การขยายผลนวัตกรรม EnPAT มาใช้งานในพื้นที่ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาเมืองนครราชสีมาในวันนี้ ก็ถือว่าเป็นการตอบโจทย์ในการพัฒนาเมืองสู่เมืองอัจฉริยะ เป็นก้าวหนึ่งที่จะนำจังหวัดนครนครราชสีมา เข้าสู่ Korat Smart City ครับ

]]>
2025.10.03-02 ENTEC and ERC Organize Capacity-Building Seminar to Support the Energy Transition – Summary of the “Capability Building for Energy Transition (2025)” Project https://www.entec.or.th/th/2025-10-03-02-entec-and-erc-organize-capacity-building-seminar/ Fri, 10 Oct 2025 03:19:44 +0000 https://www.entec.or.th/?p=16765

วันที่ 2–3 ตุลาคม 2568 ณ โรงแรมเมอเวนพิค รีสอร์ต เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา

ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จัดสัมมนาวิชาการและสรุปผลการดำเนินโครงการ Capability Building for Energy Transition (2025) เสริมสร้างศักยภาพบุคลากร รองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสู่อนาคต โดยได้รับเกียรติจาก คุณประสิทธิ์ สิริทิพย์รัศมี รองเลขาธิการสำนักงาน กกพ. เป็นประธานกล่าวเปิดงาน

คุณประสิทธิ์ สิริทิพย์รัศมี รองเลขาธิการ กกพ. กล่าวว่า กิจกรรมอบรมภายใต้โครงการ Capability Building for Energy Transition (2025) เป็นโครงการที่มุ่งพัฒนาบุคลากร กกพ. ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ให้มีองค์ความรู้ด้านเทคนิค เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ทันสมัย เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของภาคพลังงานในอนาคต ซึ่งมองว่า ENTEC สวทช. เป็นหน่วยงานพันธมิตรที่เหมาะสมที่สุดในด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี เนื่องจากมีองค์ความรู้เชิงลึกและติดตามนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่บทบาทของ กกพ. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลด้านกิจการพลังงานของประเทศ จำเป็นต้องอาศัยทั้งมิติทางวิศวกรรม กฎหมาย เศรษฐศาสตร์ และการเงิน การร่วมมือเช่นนี้จึงเป็นการเติมเต็มซึ่งกันและกัน ซึ่งหลักสูตรการอบรมได้พัฒนาต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยปีแรกเป็นเพียงหลักสูตรสั้น ๆ เพื่อทดลอง ก่อนปรับเป็นหลักสูตรเต็มรูปแบบ ในแต่ละปีจะมีการปรับเนื้อหาให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและนโยบายพลังงาน เช่น ปีนี้ได้เพิ่มหัวข้อ Small Modular Reactor (SMR) หรือ เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบโมดูลาร์ขนาดเล็ก เพื่อให้บุคลากร กกพ. สามารถติดตามและทำความเข้าใจเทคโนโลยีที่อาจถูกนำมาใช้จริงในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ

คุณประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า กกพ. มีแนวคิดที่จะนำเรื่องข้อมูลพลังงานมาเป็นหัวใจสำคัญของหลักสูตร เพื่อรองรับการพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบ Smart Grid หรือโครงข่ายอัจฉริยะ ที่ต้องอาศัยข้อมูลเป็นฐานในการบริหารจัดการ ซึ่งรูปแบบการอบรมไม่ได้มองว่าเป็นเพียงโครงการระยะสั้น แต่สอดคล้องกับแผนระยะ 5 ปีของสำนักงาน และจะเดินหน้าต่อเนื่อง เพราะนี่คือการบูรณาการร่วมกันให้เกิดผลลัพธ์มากกว่าเดิม ระหว่างการกำกับดูแลและองค์ความรู้เชิงเทคนิค การพัฒนาบุคลากรจะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการกำกับกิจการพลังงานให้มีความเหมาะสม โปร่งใส และเป็นธรรม ตลอดจนสร้างโอกาสให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกที่กำลังมุ่งสู่การใช้พลังงานสะอาด ซึ่งความร่วมมือกับ ENTEC สวทช. ครั้งนี้ไม่เพียงพัฒนาคน แต่จะต่อยอดเป็นกลไกการกำกับดูแลที่ตอบโจทย์ประเทศ และเปิดทางให้ไทยก้าวสู่อนาคตพลังงานสะอาดอย่างมั่นคงและยั่งยืน

ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผู้อำนวยการ ENTEC สวทช. กล่าวว่า โครงการ Capability Building for Energy Transition (2025) ได้ดำเนินงานต่อเนื่องมาหลายเดือน โดยเน้นการเสริมสร้างขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่ กกพ. โดยตรง เพื่อยกระดับองค์ความรู้ให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานในระดับโลก มีทั้งการจัดอบรมเชิงวิชาการ การศึกษาดูงานในต่างประเทศ เช่น ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเรียนรู้ด้านนโยบาย งานวิจัยและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีพลังงาน ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นการสรุปและปิดการอบรมอย่างสมบูรณ์ในปีนี้ และสำหรับในปี 2026 เรามองไปที่การวิจัยเชิงนโยบายและด้านกฎระเบียบ ที่จะช่วยเสริมบทบาทสำคัญของ กกพ. ในการกำกับกิจการพลังงานของประเทศ โดยมั่นใจว่าจะสามารถสนับสนุนความรู้ทางเทคนิคให้ กกพ. ก้าวทันพัฒนาการของประชาคมโลกซึ่งการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานเป็นกระบวนการที่ใช้เวลาหลายปี ต้องอาศัยทิศทางที่ชัดเจน เป้าหมายระยะยาว และการเตรียมความพร้อมทั้งด้านบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐาน ความร่วมมือกับ กกพ. มีส่วนสำคัญในการอัปเดตองค์ความรู้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกแบบ Real-time ตัวอย่างเช่น เทรนด์ด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์ขนาดเล็ก ที่เริ่มเป็นประเด็นร้อนแรงในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา

ดร.สุมิตรา กล่าวทิ้งท้าย ผลกระทบจากโครงการที่ประเทศจะได้รับอย่างชัดเจน คือความมั่นใจว่าการตัดสินใจของ กกพ. จะตั้งอยู่บนฐานความรู้ที่อัปเดต ทันสมัย และรอบด้าน ไม่ได้อ้างอิงจากข้อมูลที่ล้าหลัง ทำให้ประเทศไทยสามารถซื้อเทคโนโลยีด้วยความเข้าใจ และตัดสินใจได้อย่างคุ้มค่าและเหมาะสมที่สุด

ด้าน ดร.วิศาล ลีลาวิวัฒน์ นักวิจัย ENTEC สวทช. และหัวหน้าโครงการฯ กล่าวว่า กิจกรรมการอบรมที่จัดขึ้น นอกจากเป็นการเพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพให้กับบุคลากรของ กกพ. โดยตรงแล้ว บุคลากรของ ENTEC เองก็ได้มีโอกาสเรียนรู้และสร้างเครือข่ายไปพร้อมกัน ถือเป็นประโยชน์ร่วมกันโดยเน้นการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ การอัปเดตข้อมูลเชิงนโยบาย รวมถึงทิศทางพลังงานทั้งในระดับประเทศและระดับโลก เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการกำกับดูแลกิจการพลังงานในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยหัวข้อสัมมนาที่จัดขึ้นที่ผ่านมา ครอบคลุมหลากหลายเทรนด์ด้านพลังงาน อาทิ พลังงานไฮโดรเจน และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ขนาดเล็ก ซึ่งกำลังเป็นทิศทางสำคัญที่ประเทศไทยต้องเตรียมพร้อมเพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality โดยการพัฒนาแหล่งพลังงานสะอาดใหม่ ๆ จะช่วยเสริมทางเลือกนอกเหนือจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม

ดร.วิศาล กล่าวต่อว่า ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องพัฒนาความรู้ด้านพลังงานใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา เพราะเทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง การอบรมลักษณะนี้จึงเป็นการสร้างความพร้อมให้กับบุคลากร กกพ. ในการทำหน้าที่กำกับดูแลกิจการพลังงานยุคใหม่ ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และตอบโจทย์เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศ โดย ENTEC สวทช. ตั้งเป้าขยายผลการอบรมไปสู่การสร้างเครือข่ายที่กว้างขึ้น ไม่เพียงเฉพาะ กกพ. แต่รวมถึงภาคเอกชน หน่วยงานรัฐ และผู้เกี่ยวข้องด้านพลังงาน เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และสร้างบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญรองรับการเปลี่ยนผ่านพลังงานในอนาคต สำหรับผลการดำเนินงานของโครงการฯ ได้รับการตอบรับที่ดี มีผู้เข้าร่วมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้การวัดผลจะไม่ได้อยู่ที่จำนวนผู้เข้าร่วมเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งที่สำคัญคือการส่งต่อองค์ความรู้ใหม่ ๆ และการสร้างเครือข่ายที่ช่วยต่อยอดความร่วมมือด้านพลังงานในระยะยาว

กิจกรรมมุ่งเน้นสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด (Energy Transition) โดยมี ดร.นุวงศ์ ชลคุป ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยพลังงานคาร์บอนต่ำ ENTEC สวทช. ซึ่งมีบทบาทสำคัญในออกแบบหลักสูตรและผลักดันโครงการเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านพลังงานสะอาด พร้อมทั้งเชื่อมโยงเครือข่ายความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ สร้างประสบการณ์ตรงแก่ผู้เข้าร่วม ผ่านการอบรมเชิงปฏิบัติการและการศึกษาดูงานในสถานที่จริง ซึ่งช่วยให้บุคลากรของ กกพ. สามารถมองเห็นภาพรวมของเทคโนโลยีและทิศทางการกำกับดูแลด้านพลังงานอย่างรอบด้าน

ภายในกิจกรรมจัดให้มีการบรรยายครอบคลุมหัวข้อสำคัญ ได้แก่

  • การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) และเทคโนโลยีการกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) นำเสนอโดย ดร.พิมพา ลิ้มทองกุล ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมพลังงาน ENTEC สวทช.
  • ใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: REC) และกลไกการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism: CBAM) นำเสนอโดย คุณมัญชุตา กิ่งเนตร Head of Strategic Partnership บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด.  
  • บทบาทของเอนไซม์ไฮโดรจีเนสในการผลิตไฮโดรเจนด้วยกระบวนการชีวเร่งปฏิกิริยาที่ใช้แสง (Hydrogenase in photobiocatalytic hydrogen production) นำเสนอโดย Dr.Nuttavut Kosem จาก Kyushu University, Japan

นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมยังได้มีโอกาสลงพื้นที่ศึกษาดูงานกังหันลมเขายายเที่ยง และศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. ลำตะคอง ซึ่งถือเป็นแหล่งเรียนรู้สำคัญด้านพลังงานหมุนเวียนและสิ่งแวดล้อม ช่วยเปิดประสบการณ์และสร้างแรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนพลังงานสะอาดในอนาคต

]]>